ทำไมต้องเลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับการใช้งานขององค์กร ?
- ประสิทธิภาพในการทำงาน : รถยกที่เลือกควรมีความสามารถในการยกและลงสินค้าที่มีขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสมกับงานที่ต้องการทำ ถ้ารถยกมีความจุยกสูงเกินไปหรือน้อยไปจะทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความปลอดภัย : รถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากการยกสินค้าที่เกินขนาดหรือน้ำหนักที่รถยกไม่รองรับอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
- ค่าใช้จ่าย : การเลือกรถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำงาน และอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
- การรักษา : รถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้การดูแลรักษาเป็นซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากต้องทำการบำรุงรักษาและซ่อมแซมบ่อยขึ้น
ดังนั้น เลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะกับงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบน้ำหนักและขนาดของสินค้าที่ต้องยก รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ต้องการทำงาน เพื่อทำให้เลือกซื้อหรือเช่ารถยกที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับงานที่กำลังจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยในการใช้งาน
ประเภทรถยก / รถโฟล์คลิฟท์ มีอะไรบ้าง
ถ้าเราแบ่งประเภทรถโฟล์คลิฟท์ตามกำลังขับเคลื่อน รถ Forklift สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้ดังนี้:
- รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift): ใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อน มีทั้งแบบนั่งขับและยืนขับ
- รถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์สันดาป (Engine Forklift): ใช้เชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- รถโฟล์คลิฟท์น้ำมัน (รถดีเซล และ เบนซิน)
- รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส (รถปิโตรเลียมเหลว LPG และ แก๊สธรรมชาติ CNG)
ข้อดี / ข้อเสียของรถโหล์คลิฟท์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
ประเภทรถโฟล์คลิฟท์ที่นิยมใช้กันปัจจุบัน เมื่อคิดถึงต้นทุนและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าแล้วมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้
1. รถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล
ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล:
- กำลังขับเคลื่อนและแรงม้า: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมักมีแรงม้าและกำลังขับเคลื่อนที่สูงกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ทำให้เหมาะสำหรับงานยกของที่มีน้ำหนักใหญ่และต้องการความแข็งแกร่งในการทำงาน
- ความต้านทานในสภาพแวดล้อมที่ที่มีความร้อนและความกดที่สูง: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีความทนทานและสามารถทำงานได้ดีในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงหรือความกดที่สูง เช่นในสถานที่ทำงานกลางแจ้งหรือในโรงงานผลิต
- ความประหยัดในการใช้เชื้อเพลิง: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมักมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันดีเซลที่ดีกว่ารถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้เชื้อเพลิงอื่น ๆ เช่น แก๊ส
ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล:
- มลพิษและเสียงดัง: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีการปล่อยสารมลพิษและเสียงรบกวนมากกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อความสุขภาพของคนงานและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีความซับซ้อนในการดูแลรักษามากกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันและการบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ
- มีความหนักและขนาดใหญ่: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมักมีขนาดใหญ่และมาตรฐานขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ไม่เหมาะสมสำหรับการทำงานในพื้นที่ที่มีขอบเขตแคบหรือพื้นที่จำกัด
เหมาะสมกับสถานที่ทำงาน:
รถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซลเหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความทนทานในสภาวะแวดล้อมที่ทนทานและกันสั่น เช่น ในอุตสาหกรรมผลิต อุตสาหกรรมเหล็ก วัสดุก่อสร้าง และโกดังสินค้า โดยเฉพาะในสถานที่ทำงานกลางแจ้งหรือกับการทำงานที่ต้องยกของสินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนงานในการเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ประเภทน้ำมันดีเซล
2. รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG
ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG:
- สามารถทำงานได้ทั้งในระบบปิดและระบบกลางแจ้ง: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในสถานที่ปิดและในระบบกลางแจ้ง เนื่องจากมีการปล่อยก๊าซที่น้อยและน้ำมันแก๊สในถังที่มีความจุใหญ่สามารถใช้งานเป็นเวลานาน
- ความคุ้มค่าในการใช้งาน: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มีความประหยัดในการใช้น้ำมันแก๊สและมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูง ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและใช้งานในระยะยาว
- มลพิษน้อย: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มีการปล่อยก๊าซแก๊สในปริมาณที่น้อยกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล ซึ่งช่วยลดมลพิษและมลภาวะในสถานที่ทำงาน
- การรีเซตและเติมเชื้อเพลิงง่าย: การรีเซตและเติมเชื้อเพลิงแก๊ส LPG รวดเร็วและง่ายดาย ไม่ต้องมีระยะเวลาหยุดชั่วคราวในการรีเซตรถ
ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG:
- เสียงดังและการสูญเสียพลังงาน: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มักมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า และมีการสูญเสียพลังงานในระหว่างการทำงานที่มากกว่า
- ราคาเชื้อเพลิง: ราคาแก๊ส LPG มีความผันผวนและอาจเพิ่มขึ้นในบางช่วงของเวลา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการทำงาน
- การบำรุงรักษา: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มีการบำรุงรักษาที่ซับซ้อนกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เหมาะสมกับสถานที่ทำงาน:
รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความคุ้มค่าในการใช้งานและความต้องการลดมลพิษ สามารถทำงานทั้งในสถานที่ปิดและกลางแจ้ง ส่วนใหญ่ใช้ในโรงงานผลิต คลังสินค้า
3. รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า
ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า:
- สิ่งแวดล้อมและมลพิษ: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าไม่มีการปล่อยแก๊สหรือมลพิษในระหว่างการทำงาน ซึ่งช่วยลดมลพิษและประมาณการในสถานที่ทำงาน
- เสียงรบกวนน้อย: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามักมีระดับเสียงที่ต่ำกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส ทำให้เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ในโรงงานผลิตหรือโกดังสินค้า
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่น้อยกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันหรือน้ำมันแก๊สอย่างสม่ำเสมอ
- การควบคุมแม่นยำ: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามีการควบคุมที่แม่นยำและตอบสนองได้ดี ทำให้สามารถควบคุมการยกและการเคลื่อนที่ของรถได้ดีในพื้นที่ที่จำกัด
ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า:
- ระยะเวลาการใช้งาน: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามักมีระยะเวลาการใช้งานที่จำกัดเมื่อเทียบกับรถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส เนื่องจากการชาร์จแบตเตอรี่อาจใช้เวลานาน
- ราคาเริ่มต้นสูง: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามีราคาเริ่มต้นสูงกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส ซึ่งอาจเป็นฟังก์ชันของราคาแบตเตอรี่และเทคโนโลยีสูงสุด
- ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่: การชาร์จแบตเตอรี่ของรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าอาจใช้เวลานานและต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการชาร์จ
เหมาะสมกับสถานที่ทำงาน:
รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าเหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความเงียบสงบและการควบคุมแม่นยำในการยกและย้ายสินค้า เช่น ในโรงงานผลิต โกดังสินค้า หรือสถานที่ทำงานที่มีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความสนใจในมลพิษและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความจำเป็นในการชาร์จแบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานเมื่อตัดสินใจเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า
สรุป
การตัดสินใจในการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์ควรพิจารณาความเหมาะสมตามความต้องการของงานและสถานที่ทำงาน, ความประหยัดในการใช้งาน, มลพิษและความปลอดภัย, ความคุ้มค่าในการใช้งาน และการรับรองและบริการหลังการขาย เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและเหมาะสมกับความต้องการของคุณและธุรกิจของคุณ
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกประเภทรถโฟล์คลิฟท์ได้แล้วสิ่งที่คุณต้องจัดการต่อไปคือเรื่องของความปลอดภัยในการใช้รถโฟล์คลิฟท์ตามมาตรฐาน ซึ่งผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานโฟล์คลิฟท์ต้องมีใบอนุญาตในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ หากไม่มีใบขับขี่ในทางกฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ ซึ่งสามารถได้รับใบอนุญาตนี้จากเข้าอบรมโฟล์คลิฟท์ โดยหลังจากอบรมผู้เข้าร่วมจะได้วุฒิบัตรเพื่อยืนยันในการทำงาน
สอบถามรายละเอียดหลักสูตรได้ที่ —> Safetymember