เทคนิคการเลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับการใช้งาน

by prawit
233 views
1 เทคนิคการเลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับการใช้งาน
รถยก หรือ Forklift คือ เครื่องจักรที่ใช้ในการยกและขนสิ่งของหนักในสถานที่ต่าง ๆ โดยมีขาตั้งที่เรียกว่า fork หรือ หนาม ซึ่งสามารถยกของขึ้นและลงได้ โดยรถยกมักใช้ในโรงงาน โกดังสินค้า หรือสถานที่ที่ต้องการการยกระบายสินค้าหนัก รถยกมีความสามารถในการยกและลงสินค้าในสถานที่สูงต่าง ๆ และมักมีความจุรับน้ำหนักที่ต่างกันตามรุ่นและประเภทของรถยก การใช้รถยกช่วยให้งานขนสินค้าและวัตถุมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทำไมต้องเลือกรถโฟล์คลิฟท์ให้เหมาะกับการใช้งานขององค์กร ?

การเลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะกับการใช้งานมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเจ้าของธุรกิจทุกคนต่างเลือกใช้รถยกเพื่ออำนวยความสะดวกต้องการให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากเลือกรถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้มีปัญหาและความเสียหายทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานและความปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งเราได้รวมเหตุผลต่างๆมีดังนี้
  1. ประสิทธิภาพในการทำงาน : รถยกที่เลือกควรมีความสามารถในการยกและลงสินค้าที่มีขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสมกับงานที่ต้องการทำ ถ้ารถยกมีความจุยกสูงเกินไปหรือน้อยไปจะทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ความปลอดภัย : รถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากการยกสินค้าที่เกินขนาดหรือน้ำหนักที่รถยกไม่รองรับอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  3. ค่าใช้จ่าย : การเลือกรถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการทำงาน และอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
  4. การรักษา : รถยกที่ไม่เหมาะกับงานอาจทำให้การดูแลรักษาเป็นซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากต้องทำการบำรุงรักษาและซ่อมแซมบ่อยขึ้น

ดังนั้น เลือกรถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะกับงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบน้ำหนักและขนาดของสินค้าที่ต้องยก รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ต้องการทำงาน เพื่อทำให้เลือกซื้อหรือเช่ารถยกที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับงานที่กำลังจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยในการใช้งาน

ประเภทรถยก / รถโฟล์คลิฟท์ มีอะไรบ้าง

ถ้าเราแบ่งประเภทรถโฟล์คลิฟท์ตามกำลังขับเคลื่อน รถ Forklift สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้ดังนี้:

  1. รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift): ใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อน มีทั้งแบบนั่งขับและยืนขับ
  2. รถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์สันดาป (Engine Forklift): ใช้เชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
  • รถโฟล์คลิฟท์น้ำมัน (รถดีเซล และ เบนซิน)
  • รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส (รถปิโตรเลียมเหลว LPG และ แก๊สธรรมชาติ CNG)

ข้อดี / ข้อเสียของรถโหล์คลิฟท์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

ประเภทรถโฟล์คลิฟท์ที่นิยมใช้กันปัจจุบัน เมื่อคิดถึงต้นทุนและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าแล้วมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้

2 รถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล

 

1. รถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล

ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล:

  1. กำลังขับเคลื่อนและแรงม้า: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมักมีแรงม้าและกำลังขับเคลื่อนที่สูงกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ทำให้เหมาะสำหรับงานยกของที่มีน้ำหนักใหญ่และต้องการความแข็งแกร่งในการทำงาน
  2. ความต้านทานในสภาพแวดล้อมที่ที่มีความร้อนและความกดที่สูง: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีความทนทานและสามารถทำงานได้ดีในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงหรือความกดที่สูง เช่นในสถานที่ทำงานกลางแจ้งหรือในโรงงานผลิต
  3. ความประหยัดในการใช้เชื้อเพลิง: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมักมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันดีเซลที่ดีกว่ารถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้เชื้อเพลิงอื่น ๆ เช่น แก๊ส

ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล:

  1. มลพิษและเสียงดัง: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีการปล่อยสารมลพิษและเสียงรบกวนมากกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลต่อความสุขภาพของคนงานและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงาน
  2. ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมีความซับซ้อนในการดูแลรักษามากกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันและการบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ
  3. มีความหนักและขนาดใหญ่: รถโฟล์คลิฟท์ดีเซลมักมีขนาดใหญ่และมาตรฐานขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ไม่เหมาะสมสำหรับการทำงานในพื้นที่ที่มีขอบเขตแคบหรือพื้นที่จำกัด

เหมาะสมกับสถานที่ทำงาน:

รถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซลเหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความทนทานในสภาวะแวดล้อมที่ทนทานและกันสั่น เช่น ในอุตสาหกรรมผลิต อุตสาหกรรมเหล็ก วัสดุก่อสร้าง และโกดังสินค้า โดยเฉพาะในสถานที่ทำงานกลางแจ้งหรือกับการทำงานที่ต้องยกของสินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนงานในการเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ประเภทน้ำมันดีเซล

3 รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG

2. รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG

ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG:

  1. สามารถทำงานได้ทั้งในระบบปิดและระบบกลางแจ้ง: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในสถานที่ปิดและในระบบกลางแจ้ง เนื่องจากมีการปล่อยก๊าซที่น้อยและน้ำมันแก๊สในถังที่มีความจุใหญ่สามารถใช้งานเป็นเวลานาน
  2. ความคุ้มค่าในการใช้งาน: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มีความประหยัดในการใช้น้ำมันแก๊สและมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูง ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและใช้งานในระยะยาว
  3. มลพิษน้อย: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มีการปล่อยก๊าซแก๊สในปริมาณที่น้อยกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันดีเซล ซึ่งช่วยลดมลพิษและมลภาวะในสถานที่ทำงาน
  4. การรีเซตและเติมเชื้อเพลิงง่าย: การรีเซตและเติมเชื้อเพลิงแก๊ส LPG รวดเร็วและง่ายดาย ไม่ต้องมีระยะเวลาหยุดชั่วคราวในการรีเซตรถ

ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG:

  1. เสียงดังและการสูญเสียพลังงาน: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มักมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า และมีการสูญเสียพลังงานในระหว่างการทำงานที่มากกว่า
  2. ราคาเชื้อเพลิง: ราคาแก๊ส LPG มีความผันผวนและอาจเพิ่มขึ้นในบางช่วงของเวลา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการทำงาน
  3. การบำรุงรักษา: รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG มีการบำรุงรักษาที่ซับซ้อนกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในระยะยาว

เหมาะสมกับสถานที่ทำงาน:

รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความคุ้มค่าในการใช้งานและความต้องการลดมลพิษ สามารถทำงานทั้งในสถานที่ปิดและกลางแจ้ง ส่วนใหญ่ใช้ในโรงงานผลิต คลังสินค้า

4 รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า

3. รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า

ข้อดีของรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า:

  1. สิ่งแวดล้อมและมลพิษ: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าไม่มีการปล่อยแก๊สหรือมลพิษในระหว่างการทำงาน ซึ่งช่วยลดมลพิษและประมาณการในสถานที่ทำงาน
  2. เสียงรบกวนน้อย: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามักมีระดับเสียงที่ต่ำกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส ทำให้เหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ในโรงงานผลิตหรือโกดังสินค้า
  3. ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่น้อยกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันหรือน้ำมันแก๊สอย่างสม่ำเสมอ
  4. การควบคุมแม่นยำ: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามีการควบคุมที่แม่นยำและตอบสนองได้ดี ทำให้สามารถควบคุมการยกและการเคลื่อนที่ของรถได้ดีในพื้นที่ที่จำกัด

ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า:

  1. ระยะเวลาการใช้งาน: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามักมีระยะเวลาการใช้งานที่จำกัดเมื่อเทียบกับรถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส เนื่องจากการชาร์จแบตเตอรี่อาจใช้เวลานาน
  2. ราคาเริ่มต้นสูง: รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้ามีราคาเริ่มต้นสูงกว่ารถโฟล์คลิฟท์ระบบน้ำมันหรือแก๊ส ซึ่งอาจเป็นฟังก์ชันของราคาแบตเตอรี่และเทคโนโลยีสูงสุด
  3. ระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่: การชาร์จแบตเตอรี่ของรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าอาจใช้เวลานานและต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการชาร์จ

เหมาะสมกับสถานที่ทำงาน:

รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าเหมาะสำหรับสถานที่ทำงานที่ต้องการความเงียบสงบและการควบคุมแม่นยำในการยกและย้ายสินค้า เช่น ในโรงงานผลิต โกดังสินค้า หรือสถานที่ทำงานที่มีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความสนใจในมลพิษและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความจำเป็นในการชาร์จแบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานเมื่อตัดสินใจเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้า

สรุป

การตัดสินใจในการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์ควรพิจารณาความเหมาะสมตามความต้องการของงานและสถานที่ทำงาน, ความประหยัดในการใช้งาน, มลพิษและความปลอดภัย, ความคุ้มค่าในการใช้งาน และการรับรองและบริการหลังการขาย เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและเหมาะสมกับความต้องการของคุณและธุรกิจของคุณ

เมื่อคุณตัดสินใจเลือกประเภทรถโฟล์คลิฟท์ได้แล้วสิ่งที่คุณต้องจัดการต่อไปคือเรื่องของความปลอดภัยในการใช้รถโฟล์คลิฟท์ตามมาตรฐาน ซึ่งผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานโฟล์คลิฟท์ต้องมีใบอนุญาตในการขับขี่รถโฟล์คลิฟท์ หากไม่มีใบขับขี่ในทางกฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ ซึ่งสามารถได้รับใบอนุญาตนี้จากเข้าอบรมโฟล์คลิฟท์ โดยหลังจากอบรมผู้เข้าร่วมจะได้วุฒิบัตรเพื่อยืนยันในการทำงาน

สอบถามรายละเอียดหลักสูตรได้ที่ —> Safetymember

ใบอนุญาตกรมสวัสดิการฯ
ใบอนุญาต อบรม จป.หัวหน้างาน และ จป.บริหาร บริษัท เซฟตี้ เมมเบอร์ จำกัด

คลิกรูปเพื่อขยาย

ได้รับมาตรฐาน ISO 9001

คลิกรูปเพื่อขยาย

หลักสูตรอบรม จป
หลักสูตรอบรม ความปลอดภัย

บริการตรวจรับรอง

บริษัท เซฟตี้ เมมเบอร์

เลขที่ 349 อาคารเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ชั้น 20 ห้องเลขที่ 2001-2005  ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

อีเมล
โทรศัพท์

คุณ แนน

เพิ่มเพื่อน

©2024 , A Media Company – All Right Reserved. Designed and Developed by safetymember safety member