คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “คปอ.” มีบทบาทสำคัญในการดูแลความปลอดภัยของพนักงานภายในองค์กร โดยเฉพาะการประชุมประจำเดือนอย่างน้อย 1 ครั้งซึ่ง เพื่อรับฟังปัญหา เสนอแนะแนวทางแก้ไข และผลักดันการปรับปรุงด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
ทำไมการประชุม คปอ. ประจำเดือนจึงสำคัญ?
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 กำหนดให้นายจ้างต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ คปอ. และมีการประชุมประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อ
-
ติดตามผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัย
-
วิเคราะห์และหาทางป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำ
-
ส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง
รู้หรือไม่? องค์กรที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปตามกฎหมายแรงงาน ต้องจัดให้มี คปอ. พร้อมส่งเข้าอบรม คปอ เพื่อที่สามารถนำใบเซอร์ขึ้นทะเบียน คปอ หากละเลยอาจมีโทษปรับสูงถึง 200,000 บาท
วิธีการเตรียมตัวก่อนประชุม คปอ. ประจำเดือน
การประชุมจะได้ผลลัพธ์อย่างมีคุณภาพ ต้องเริ่มจากการเตรียมตัวที่ดี โดยสามารถแบ่งการเตรียมออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
1. ด้านเอกสารและข้อมูล
เลขานุการ คปอ. และฝ่ายความปลอดภัยควรเตรียม:
-
เอกสารบันทึกการประชุมครั้งก่อน
-
รายงานการตรวจสอบความปลอดภัย และผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
-
สถิติการประสบอันตราย อุบัติเหตุ หรือโรคจากการทำงาน
-
รายงานข้อเสนอแนะจากลูกจ้างหรือหน่วยงานภายนอก (ถ้ามี)
-
วาระการประชุมล่วงหน้าเพื่อให้กรรมการทราบประเด็นสำคัญ
2. ด้านสถานที่และอุปกรณ์
-
ตรวจสอบความพร้อมของห้องประชุม เช่น ความสะอาด โต๊ะ เก้าอี้ เพียงพอ
-
เตรียมอุปกรณ์นำเสนอ เช่น โปรเจกเตอร์ กระดานไวท์บอร์ด เอกสารแจก
-
สำหรับการประชุมออนไลน์ ควรเตรียมระบบซอฟต์แวร์และตรวจสอบสัญญาณอินเทอร์เน็ต
3. ด้านผู้เข้าร่วมประชุม
-
แจ้งกำหนดการประชุมล่วงหน้าแก่กรรมการทุกคน
-
ยืนยันรายชื่อผู้เข้าร่วมและการแต่งตั้งผู้แทน (หากมีการเปลี่ยนแปลง)
-
กระตุ้นให้กรรมการเตรียมข้อเสนอหรือหัวข้อที่ต้องการเสนอในที่ประชุม
ในการประชุม คปอ. หากกรรมการขาดประชุมบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผล อาจถือว่า ขาดคุณสมบัติและต้องเปลี่ยนตัวแทนใหม่ ตามระเบียบของสถานประกอบกิจการ
วาระการประชุมคปอ. มีอะไรบ้าง และความเชื่อมโยงกับหน้าที่ตามกฎหมาย
ในการประชุม คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) ซึ่งมักจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนนั้น ไม่เพียงแต่เป็นการประชุมเพื่อพูดคุยประเด็นด้านความปลอดภัยทั่วไป แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการดำเนินงานตาม 12 หน้าที่หลักของ คปอ. ที่กำหนดไว้ตาม กฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานฯ พ.ศ. 2565 อีกด้วย
โดยการประชุมคปอ. ควรมีการจัดลำดับวาระอย่างชัดเจน เพื่อให้การประชุมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถติดตามความคืบหน้าของงานด้านความปลอดภัยได้ครบถ้วน โดยทั่วไปวาระการประชุมจะประกอบไปด้วย 5 หัวข้อหลัก ดังนี้:
✅ วาระที่ 1 เรื่องแจ้งเพื่อทราบ
ใช้สำหรับแจ้งข้อมูลสำคัญให้คณะกรรมการทราบ เช่น
-
สถิติอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ด้านความปลอดภัย
-
ข่าวสารจากราชการหรือหน่วยงานรัฐ เช่น กฎหมายใหม่ ประกาศกรมสวัสดิการฯ
-
กิจกรรมความปลอดภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น วันความปลอดภัยฯ
เชื่อมโยงกับหน้าที่ ข้อที่ 6 และ 12 คือการรวบรวมข้อมูล สถิติ และรายงานประจำ
✅ วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา
เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของรายงานการประชุมครั้งก่อน และยืนยันผลการประชุมอย่างเป็นทางการ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปดำเนินงานต่อได้อย่างถูกต้อง
เชื่อมโยงกับหน้าที่ ข้อที่ 9 และ 10 ที่ต้องมีการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานให้ผู้บริหารทราบ
✅ วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา
ใช้สำหรับติดตามเรื่องที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จในครั้งก่อน เช่น
-
โครงการอบรมที่อยู่ระหว่างการอนุมัติ
-
มาตรการป้องกันอุบัติเหตุที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ
-
การตอบรับจากนายจ้างในประเด็นที่เสนอไปแล้ว
เชื่อมโยงกับหน้าที่ ข้อที่ 3, 4, 7 และ 9 โดยเฉพาะการติดตามผลมาตรการและโครงการต่าง ๆ
✅ วาระที่ 4 เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา
เป็นวาระที่เปิดให้กรรมการเสนอแนวคิด โครงการ หรือมาตรการใหม่ ๆ อาทิ
-
เสนอจัดฝึกอบรมพนักงานใหม่เรื่องความปลอดภัย
-
เสนอคู่มือความปลอดภัยฉบับใหม่
-
เสนอมาตรการปรับปรุงพื้นที่ทำงานที่มีความเสี่ยงสูง
เชื่อมโยงกับหน้าที่ ข้อที่ 1, 2, 5, 7 และ 11 เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ของ คปอ. ในการเสนอนโยบายหรือแผนงานต่าง ๆ
✅ วาระที่ 5 เรื่องอื่น ๆ
สำหรับเรื่องที่ไม่ได้อยู่ใน 4 วาระก่อนหน้า เช่น
-
ปัญหาเฉพาะหน้าในแผนกงาน
-
คำร้องเรียนของพนักงาน
-
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสวัสดิการหรือสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
เชื่อมโยงกับหน้าที่ ข้อที่ 8 และ 12 โดยเฉพาะการรับรายงานสภาพไม่ปลอดภัยจากลูกจ้าง
นอกจากการประชุมประจำเดือน คปอ. ยังมีอีก 12 หน้าที่ที่ต้องดำเนินการ
ตาม กฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2565 คณะกรรมการ คปอ. มีหน้าที่ที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประชุม ซึ่งสามารถสรุปได้ 12 ข้อหลัก ๆ ดังนี้:
-
จัดทำนโยบายด้านความปลอดภัย เพื่อเสนอต่อนายจ้าง
-
วางแนวทางป้องกันและลดความเสี่ยงในการทำงาน
-
รายงานและเสนอมาตรการปรับปรุงสภาพการทำงาน ตามกฎหมาย
-
สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมด้านความปลอดภัย ในสถานประกอบกิจการ
-
พิจารณาและเสนอแนะเกี่ยวกับคู่มือความปลอดภัย
-
สำรวจการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย และสถิติอุบัติเหตุ
-
พิจารณาแผนฝึกอบรมความปลอดภัย เพื่อเสนอต่อนายจ้าง
-
จัดระบบให้ลูกจ้างสามารถรายงานสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยได้
-
ติดตามผลการดำเนินงาน และรายงานต่อนายจ้าง
-
เก็บข้อมูลและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี พร้อมเสนอแนะ
-
ประเมินผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของสถานประกอบกิจการ
-
ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่นายจ้างมอบหมาย เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย
สรุป
การประชุม คปอ. ไม่ใช่เพียงพิธีกรรมรายเดือน แต่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน นโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งคณะกรรมการ นายจ้าง และพนักงาน พร้อมกับการดำเนินงานตามหน้าที่ 12 ข้อที่กฎหมายกำหนด เพื่อสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ และเตรียมตัวอย่างเหมาะสม
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายนายจ้าง จป. หัวหน้างาน ตัวแทนลูกจ้าง คปอ. ทุกคนล้วนมีบทบาทสำคัญในการทำให้การประชุมประจำเดือนนี้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร
หากคุณต้องการอบรม คปอ. ที่ Safetymember ได้รับอนุญาตจัดอบรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมให้บริการอบรมทั้งรูปแบบ อินเฮ้าส์ และบุคคลทั่วไป สอนโดยทีมวิทยากรผู้มีใบอนุญาตและประสบการณ์จริง พร้อมให้คำปรึกษาแบบเป็นกันเอง
ติดต่อสอบถาม / ขอใบเสนอราคา
📞 โทร: (064) 958 7451 (คุณแนน)
📧 อีเมล: Sale@safetymember.net
🌐 เว็บไซต์: www.safetymember.net/safety-committee-course
แหล่งอ้างอิง
-
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2566). แนวทางการจัดตั้งและดำเนินงาน คปอ.
-
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554
-
ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้งคณะกรรมการ คปอ. และหน้าที่ของคณะกรรมการ คปอ. (ฉบับปรับปรุงล่าสุด)
บทความที่น่าสนใจ
- หลักสูตร จป.บริหาร ต้องเรียนอะไรบ้าง ตามกฎหมายใหม่ 2565
- คุณสมบัติผู้เข้า อบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยฯ ระดับเทคนิค
- หลักสูตร จป.บริหาร ต้องเรียนอะไรบ้าง ตามกฎหมายใหม่ 2565