ขั้นตอนการทำ Load Test เครน ตามมาตรฐานกฎหมายไทยที่คุณต้องรู้

by pam
211 views
การทำ Load Test เครน

“เครน” (Crane) ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และการขนส่ง ที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายวัสดุหรือสิ่งของที่มีน้ำหนักมากอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพื่อรับประกันความปลอดภัยในการใช้งานเครน กฎหมายไทยได้กำหนดให้มีการตรวจสอบและทดสอบเครน รวมถึงการทำ “Load Test” หรือการทดสอบการรับน้ำหนักตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ การทำ Load Test จึงเป็นกระบวนการที่ไม่เพียงแต่บังคับตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันความปลอดภัยของอุปกรณ์ก่อนการใช้งานจริงอีกด้วย

ความสำคัญของการทำ Load Test เครน

การทำ Load Test เป็นกระบวนการทดสอบสมรรถนะของเครนในการรับน้ำหนักบรรทุกที่กำหนด เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้

  • ยืนยันว่าเครนสามารถรับน้ำหนักได้ตามค่าที่ระบุ (Rated Load)

  • ตรวจสอบความมั่นคงและความสมดุลของเครนระหว่างการใช้งาน

  • ตรวจจับข้อบกพร่องของระบบ เช่น รอยร้าว การสึกหรอ หรือการทำงานผิดปกติ

  • ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการใช้เครนที่ชำรุด

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำ Load Test

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำ Load Test เครนในประเทศไทย

การทำ Load Test เครนในประเทศไทยอ้างอิงจากกฎหมายและมาตรฐานที่สำคัญ ได้แก่

โดยเฉพาะ “กฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2552” ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า นายจ้างต้องจัดให้มีการตรวจสอบและทดสอบปั้นจั่นอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือหลังการติดตั้ง ย้าย หรือซ่อมแซมที่มีผลต่อโครงสร้าง และต้องจัดทำรายงานผลการตรวจสอบเก็บไว้

ประเภทของ Load Test

Load Test สามารถจำแนกได้ตามลักษณะการทดสอบหลัก ๆ ได้แก่:

  • Static Load Test: ทดสอบโดยการแขวนภาระที่มากกว่าค่าน้ำหนักใช้งานสูงสุด (Rated Load) 25% โดยไม่เคลื่อนย้ายเครน เพื่อประเมินความมั่นคง

  • Dynamic Load Test: ทดสอบโดยการเคลื่อนย้ายภาระที่มีน้ำหนักเท่ากับ Rated Load เพื่อทดสอบการทำงานของกลไกต่าง ๆ เช่น การยกขึ้น-ลง การเคลื่อนที่ตามแนวราบ การหมุน ฯลฯ

ขั้นตอนการทำ Load Test เครน ตามกฎหมายไทย

ขั้นตอนการทำ Load Test เครน ตามกฎหมายไทย

1. การเตรียมการก่อนทำ Load Test

1. ตรวจสอบเอกสารและข้อมูลพื้นฐานของเครน

    • แบบแปลนหรือคู่มือของเครน
    • ข้อมูล Rated Load และโครงสร้าง
    • ประวัติการบำรุงรักษาและซ่อมแซมที่ผ่านมา

2. จัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทดสอบ

    • ลูกตุ้มน้ำหนัก หรือวัสดุทดสอบที่มีน้ำหนักเป็นที่ทราบแน่นอน
    • เครื่องมือวัดน้ำหนัก (Load Cell) ที่สอบเทียบแล้ว
    • อุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เชือกกันตก, หมวกนิรภัย, อุปกรณ์ป้องกันการลื่นไถล

3. วางแผนการทดสอบ

    • กำหนดพื้นที่ทดสอบให้ปลอดภัย ไม่มีผู้ไม่เกี่ยวข้องอยู่ใกล้
    • ประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) และกำหนดมาตรการป้องกัน

ก่อนทำ Load Test เครน วิศวกรต้องตรวจสอบสภาพพื้นหรือโครงสร้างที่ติดตั้งเครนก่อนเสมอ เพราะพื้นหรือฐานที่ไม่มั่นคง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะทดสอบ แม้ตัวเครนจะยังอยู่ในสภาพดี

4. แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญทำการทดสอบ

    • ต้องเป็นวิศวกรเครื่องกลที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม >> (คุณสมบัติผู้ตรวจสอบเครน)
    • หรือเป็นหน่วยงานตรวจสอบที่ได้รับอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน

ขั้นตอนการทำ Load Test

  1. การทดสอบ Static Load Test

    • ยกน้ำหนักทดสอบที่น้ำหนัก 125% ของ Rated Load

    • แขวนไว้นิ่ง ๆ เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 นาที

    • สังเกตการผิดรูปถาวร การร้าว การแตกร้าวของโครงสร้าง

    • บันทึกผลการทดสอบโดยละเอียด

  2. การทดสอบ Dynamic Load Test

    • ยกน้ำหนักที่เท่ากับ 100% ของ Rated Load

    • ทดสอบการเคลื่อนที่ในทุกทิศทาง เช่น

      • ยกขึ้น-ลง

      • หมุนซ้าย-ขวา

      • เคลื่อนที่แนวราบ

    • ตรวจสอบการทำงานของเบรก, ลิมิตสวิตช์, กลไกขับเคลื่อน และอุปกรณ์นิรภัย

การประเมินผลการทดสอบเครน

การประเมินผลการทดสอบเครน

  • หากไม่พบความผิดปกติ หรือไม่เกินค่าความคลาดเคลื่อนที่กำหนด ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ

  • หากพบปัญหา เช่น การผิดรูปถาวร, รอยร้าว, การทำงานผิดปกติ ต้องหยุดใช้งานทันที และดำเนินการซ่อมแซมก่อนใช้งานอีกครั้ง

  • ต้องจัดทำ รายงานผลการทดสอบ อย่างเป็นทางการให้กับผู้ว่าจ้าง  และเจ้าของเครนควรเก็บเป็นหลักฐานการตรวจไว้ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือแสดงเมื่อมีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

ข้อควรระวังในการทำ Load Test

  • ต้องดำเนินการภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ของไทยจะกำหนดคุณสมบัติไว้ตามกฎหมาย >> (คุณสมบัติผู้ตรวจสอบเครน)

  • พื้นที่ทดสอบต้องมีการกั้นเขตชัดเจน

  • ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้พื้นที่ขณะทำการทดสอบ

  • ต้องเตรียมแผนฉุกเฉินรองรับกรณีเกิดเหตุผิดปกติ

กรณีที่ต้องทำ Load Test นอกเหนือจากการตรวจสอบประจำปี

นอกจากการตรวจสอบประจำปีแล้ว หากมีเหตุการณ์อื่นๆ ต้องมีการตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เช่น

  • เมื่อติดตั้งเครนใหม่

  • หลังการย้ายที่ติดตั้งเครน

  • หลังการซ่อมแซมใหญ่ที่กระทบต่อโครงสร้างหลัก

  • หลังเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับเครน

  • เมื่อหน่วยงานตรวจสอบเห็นสมควรตามความเหมาะสม

สรุป

การทำ Load Test เครนตามมาตรฐานกฎหมายไทยไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินทั้งของผู้ใช้งานและองค์กรเอง ขั้นตอนการดำเนินการต้องมีความละเอียด รอบคอบ และดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนด การใส่ใจในขั้นตอนการทำ Load Test จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการบริหารจัดการความปลอดภัยในสถานประกอบการ

หากคุณกำลังมองหาทีมวิศวกรที่มีใบรับรองและประสบการณ์ในการตรวจสอบเครน ตามมาตรฐานกฎหมายไทย ทีมงานของเราพร้อมให้บริการตรวจสอบและออกเอกสารรับรองอย่างถูกต้อง ครบถ้วน พร้อมคำแนะนำด้านความปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : (064) 958 7451


อ้างอิง

  1. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2552). กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ พ.ศ. 2552.

  2. พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554.

  3. สมอ. (2535). มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 1006-2535 ปั้นจั่น: ข้อกำหนดทั่วไป.

  4. สมอ. (2537). มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 1015-2537 ปั้นจั่น: การทดสอบภาระ.

  5. International Labour Organization (ILO). (1998). Safety and Health in the Use of Machinery.

  6. American Society of Mechanical Engineers (ASME). (2021). ASME B30.5 Mobile and Locomotive Cranes.


บทความที่น่าสนใจ

บทความน่าสนใจ