ACGIH หรือ American Conference of Governmental Industrial Hygienists เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงานทั่วโลก แม้จะไม่ได้เป็นองค์กรที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย แต่มาตรฐานและคำแนะนำของ ACGIH ได้รับการยอมรับและนำไปใช้โดยหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ เช่น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และหน่วยงานของรัฐในหลายประเทศ
ACGIH คืออะไร
American Conference of Governmental Industrial Hygienists (ACGIH) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1938 ในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความปลอดภัยและสุขภาพของคนงานในสถานที่ทำงาน
ปัจจุบัน ACGIH มีสมาชิกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความปลอดภัยจากหลากหลายสาขา เช่น นักอาชีวอนามัย วิศวกรสิ่งแวดล้อม และนักวิจัย โดยองค์กรนี้ทำหน้าที่วิจัยและจัดทำคำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน
บทบาทของ ACGIH
บทบาทสำคัญของ ACGIH สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่
- การกำหนดค่า TLV และ BEI
- TLV (Threshold Limit Values): คือค่าจำกัดความเข้มข้นสูงสุดของสารเคมีหรือปัจจัยเสี่ยงทางกายภาพที่คนงานสามารถสัมผัสได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
- BEI (Biological Exposure Indices): เป็นดัชนีชี้วัดการสัมผัสสารเคมีในร่างกาย โดยอิงจากการตรวจวัดตัวอย่างทางชีวภาพ เช่น เลือดหรือปัสสาวะ
- การวิจัยและเผยแพร่ข้อมูล
ACGIH มุ่งมั่นพัฒนางานวิจัยเพื่อปรับปรุงมาตรฐานและแนวปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ เช่น สารเคมีชนิดใหม่หรือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป - การจัดอบรมและสัมมนา
องค์กรนี้มีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้เชี่ยวชาญในสายงานอาชีวอนามัย โดยมีหัวข้อที่ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์และการปฏิบัติจริง
TLV และ BEI: หัวใจของ ACGIH
ค่า TLV และ BEI เป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของ ACGIH ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวทางในการควบคุมความเสี่ยงในที่ทำงาน
- ประเภทของ TLV
TLV แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่- TLV-TWA (Time-Weighted Average): ค่าความเข้มข้นเฉลี่ยในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง
- TLV-STEL (Short-Term Exposure Limit): ค่าความเข้มข้นสูงสุดที่อนุญาตในช่วง 15 นาที
- TLV-C (Ceiling): ค่าความเข้มข้นที่ไม่ควรเกินเลยในช่วงเวลาใด ๆ
- ตัวอย่างการใช้ BEI
ค่า BEI ใช้ในการตรวจสอบว่าคนงานได้รับการป้องกันที่เหมาะสมหรือไม่ เช่น การตรวจหาสารตะกั่วในปัสสาวะของคนงานในโรงงานแบตเตอรี่
ในการดูแลความปลอดภัยในการทำงาน จป บริหาร หรือผู้บริหารขององค์กรที่ผ่านการฝึกอบรม จป บริหาร เองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการสสนับสนุน แนวทางแก้ไขปัญหาความปลอดภัยในองค์กร ให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือมาตรฐานกำหนด
ความสำคัญของ ACGIH ต่อประเทศไทย
ในประเทศไทย มาตรฐานของ ACGIH ถูกนำไปใช้อ้างอิงในหลายอุตสาหกรรม เช่น
- โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้สารเคมีอันตราย หรือวัตถุอันตราย
- งานที่เกี่ยวข้องกับเสียงดัง เช่น โรงงานผลิตเหล็ก
- งานที่เกี่ยวข้องกับรังสี เช่น โรงพยาบาลหรือห้องทดลอง
ตัวอย่างในประเทศไทย:
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ได้นำค่า TLV ของ ACGIH มาใช้อ้างอิงในกฎกระทรวง เช่น กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยเกี่ยวกับการทำงานในที่อับอากาศ
ข้อดีและข้อจำกัดของมาตรฐาน ACGIH
- ข้อดี
- เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เนื่องจากมีการวิจัยที่ครอบคลุมและอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
- มีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันสมัย
- ใช้งานได้หลากหลายอุตสาหกรรม
- ข้อจำกัด
- ค่า TLV และ BEI ไม่สามารถใช้ได้กับคนทุกคน เนื่องจากแต่ละคนมีความไวต่อสารเคมีต่างกัน
- องค์กรนี้ไม่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย
ตัวอย่างการนำ ACGIH ไปใช้ในสถานที่ทำงาน
- โรงงานอุตสาหกรรม
ในโรงงานผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สารตัวทำละลาย เช่น โทลูอีน ค่า TLV ช่วยกำหนดมาตรการในการติดตั้งระบบระบายอากาศ - งานก่อสร้าง
งานเชื่อมโลหะที่เกิดควันและฝุ่นเชื่อมอันตราย ค่า TLV ช่วยกำหนดมาตรฐานสำหรับการใช้หน้ากากกรองอากาศ - โรงพยาบาล
ในแผนกที่มีการใช้งานรังสี เช่น ห้องเอกซเรย์ ค่า TLV ช่วยกำหนดการจัดการเวลาการสัมผัสรังสีของเจ้าหน้าที่นังสีเทคนิค ในโรงพยาบาล
อนาคตของ ACGIH และผลกระทบต่อสุขภาพในที่ทำงาน
ในอนาคต ACGIH จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานและแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัย โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับปัจจัยเสี่ยงใหม่ ๆ เช่น นาโนเทคโนโลยีและสารเคมีชนิดใหม่
สรุป
ACGIH เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน มาตรฐานที่ ACGIH กำหนดขึ้น เช่น ค่า TLV และ BEI ช่วยให้เราสามารถควบคุมความเสี่ยงจากสารเคมีและปัจจัยเสี่ยงทางกายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่ใช่องค์กรที่มีอำนาจทางกฎหมาย แต่มาตรฐานของ ACGIH ได้รับการยอมรับในระดับสากลและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย
ในโรงงานอุตสาหกรรมนอกจากมาตรญาน ACGIH ยังมีมาตรฐานอื่นๆที่ใช้ในการจัดการความปลอดภัยในการทำงานอย่าง มาตรฐาน ISO 45001
บทความที่น่าสนใจ
- ผลกระทบของแรงสั่นสะเทือน ในการทำงาน
- หลักสูตร จป.บริหาร ต้องเรียนอะไรบ้าง ตามกฎหมายใหม่ 2565
- สรุปประกาศกรมสวัสดิการฯ ฝึกอบรมลูกจ้างซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยก 2567