ออกแบบเส้นทางหนีไฟอย่างไร ให้ตอบโจทย์ใช้อพยพจริง

by pam
2 views
ออกแบบเส้นทางหนีไฟอย่างไร

การออกแบบเส้นทางหนีไฟเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของระบบบริหารความปลอดภัยในสถานประกอบการ เนื่องจากในสถานการณ์ฉุกเฉิน เวลาเพียงไม่กี่วินาทีอาจเป็นตัวแปรสำคัญระหว่าง “ชีวิต” กับ “ความสูญเสีย” ถึงแม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนผังหนีไฟที่เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่กลับพบว่าเมื่อเกิดการฝึกซ้อมจริง เส้นทางเหล่านั้นกลับ ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น การจัดเก็บของที่ขวางทาง หรือการออกแบบโดยไม่เข้าใจบริบทของพื้นที่จริง

ความเข้าใจผิดในการออกแบบเส้นทางหนีไฟ

แม้ว่าหลายองค์กรจะมีแผนผังหนีไฟ แต่เส้นทางที่กำหนดไว้ในเอกสารหรือแบบแปลนมักอ้างอิงจากทฤษฎีเชิงสถาปัตยกรรมหรือมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมาย โดยไม่ได้ประเมินสถานการณ์ใช้งานจริง ซึ่งทำให้เกิดความผิดพลาดดังนี้:

  • วางแผนเส้นทางผ่านพื้นที่เก็บของ ซึ่งมักจะมีการวางวัสดุอุปกรณ์กีดขวางอยู่เสมอ

  • ประตูหนีไฟถูกล็อก หรือตั้งสิ่งของกีดขวางประตู ทำให้ไม่สามารถเปิดได้ในกรณีฉุกเฉิน

  • ไม่มีการคำนึงถึงผู้ใช้งานที่มีข้อจำกัด เช่น ผู้พิการ เด็ก หรือผู้สูงอายุ

  • ไม่สามารถมองเห็นป้ายหนีไฟได้อย่างชัดเจนในทุกมุม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการติดตั้งชั้นวางของสูง

บทเรียนจากการซ้อมหนีไฟ: ช่องว่างระหว่าง “ทฤษฎี” กับ “ภาคปฏิบัติ”

การซ้อมอพยพหนีไฟเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการตรวจสอบว่าเส้นทางหนีไฟสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ ในหลายองค์กร เมื่อมีการฝึกซ้อม จึงพบข้อบกพร่องที่ไม่เคยปรากฏในเอกสารแผน เช่น:

  • พนักงานเกิดความสับสนเมื่อถึงทางแยก เพราะไม่มีการติดป้ายหรือสัญลักษณ์บอกทิศทาง

  • พื้นที่บางจุดไม่สามารถรองรับการอพยพพร้อมกันได้ เช่น บริเวณบันไดแคบหรือทางเดินที่เลี้ยวแคบ

  • มีการตั้งโต๊ะหรือของใช้กีดขวางทางเดินโดยไม่ได้รับการควบคุมจากฝ่ายจัดการ

ข้อมูลเหล่านี้จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งในการนำกลับไปปรับแผนการหนีไฟให้สมจริงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

แนวทางการตรวจสอบและปรับปรุงเส้นทางหนีไฟ

แนวทางการตรวจสอบและปรับปรุงเส้นทางหนีไฟ

การออกแบบเส้นทางหนีไฟให้ตอบโจทย์พื้นที่จริงควรพิจารณาดังนี้:

1. สำรวจพื้นที่หน้างานจริง (Walkthrough)

  • เดินตามเส้นทางหนีไฟจริงในช่วงเวลาทำงานปกติ เพื่อดูว่ามีสิ่งกีดขวางหรือไม่

  • สำรวจเส้นทางทั้งหมดจากทุกจุดที่มีผู้ปฏิบัติงาน ไม่ใช่เฉพาะจากโถงทางเข้า

2. จำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน

  • ใช้ smoke generator หรือทำ fire drill เพื่อดูพฤติกรรมพนักงาน

  • จับเวลาและประเมินความแออัดในเส้นทาง

3. พิจารณาเส้นทางสำรอง

  • มีเส้นทางอย่างน้อย 2 ทางจากทุกพื้นที่ใช้งาน

  • เส้นทางสำรองต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง และสามารถใช้งานได้จริง

4. ปรับปรุงตามข้อมูลจากการซ้อม

  • เก็บฟีดแบคจากผู้เข้าร่วม เช่น ความยากลำบาก จุดที่มืดหรือไม่ปลอดภัย

  • ปรับผัง ป้าย และการจัดเก็บสิ่งของตามข้อเสนอแนะจากการซ้อม

ตาราง: เปรียบเทียบแนวคิดการออกแบบเส้นทางหนีไฟตามหลักการ vs ปัญหาในพื้นที่จริง พร้อมแนวทางแก้ไข

แนวคิดการออกแบบที่ถูกต้อง ปัญหาที่พบบ่อยในสถานที่จริง แนวทางการปรับปรุงให้ใช้งานได้จริง
เส้นทางต้องตรง ชัดเจน ไม่วกวน ออกแบบผ่านจุดเก็บของ หรือพื้นที่แคบ ทำให้เกิดทางตัน ปรับเปลี่ยนเส้นทางให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ใช้งานหนาแน่น หรือพื้นที่จัดเก็บถาวร
ความกว้างของทางหนีไฟต้องไม่น้อยกว่า 90 ซม. มีเฟอร์นิเจอร์ หรือสิ่งของวางเบียดทางเดิน เหลือความกว้างไม่เพียงพอ จัดระเบียบพื้นที่ตามแผนผัง และกำหนด “พื้นที่ห้ามวางของ” อย่างชัดเจน
มีทางหนีอย่างน้อย 2 เส้นทางจากแต่ละพื้นที่ใช้งาน บางจุดมีเพียงประตูเดียว หากถูกไฟไหม้ไม่สามารถหลบหนีได้ เพิ่มประตูสำรองหรือทางหนีไฟเพิ่มเติมตามการประเมินความเสี่ยง
มีป้ายบอกทางออกฉุกเฉินพร้อมไฟส่องสว่าง ป้ายถูกบังจากชั้นวางหรือเครื่องจักร มองไม่เห็นเมื่อมีควัน ติดป้ายเรืองแสงซ้ำในระดับสายตา และติดตั้งซ้ำที่มุมอับสายตา
เส้นทางหนีไฟควรเป็นพื้นเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวาง มีสายไฟ พรม หรือท่อที่อาจสะดุดได้ในกรณีฉุกเฉิน จัดเก็บสายไฟให้เป็นระเบียบและออกแบบพื้นผิวให้ปลอดภัยสำหรับการเดิน-วิ่ง

การออกแบบเส้นทางหนีไฟต้องอาศัยทั้งมาตรฐานทางเทคนิคและการสังเกตการณ์ใช้งานจริงในพื้นที่ หากองค์กรมองข้ามความเป็นจริงในสถานที่ทำงาน เส้นทางหนีไฟที่ดีในกระดาษก็อาจกลายเป็น “ทางตัน” ในชีวิตจริงได้ การตรวจสอบซ้ำ การฝึกซ้อมอย่างสมจริง และการรับฟังผู้ใช้งานจึงเป็นหัวใจของการสร้างความปลอดภัยที่ยั่งยืน


แหล่งอ้างอิง

  • กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2565). แนวทางการจัดทำแผนและซ้อมอพยพหนีไฟในสถานประกอบกิจการ.

  • NFPA 101: Life Safety Code. National Fire Protection Association.

  • Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2023). Emergency Exit Routes, Plans, and Procedures.

  • พ.ร.บ. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554

บทความน่าสนใจ