ในงานที่เกี่ยวข้องกับ การทำงานในที่อับอากาศ (Confined Space Entry) การเลือกใช้และติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตอย่าง Tripod อย่างถูกต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน อุปกรณ์ Tripod ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับการช่วยเหลือและกู้ภัยในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรับ-ส่งผู้ปฏิบัติงานเข้าออกจากพื้นที่เสี่ยงด้วย
ความสำคัญของการใช้งาน Tripod ที่ได้มาตรฐาน
การทำงานในที่อับอากาศมีความเสี่ยงสูงจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การขาดออกซิเจน, การสะสมของแก๊สพิษ, หรือการติดอยู่ภายในโดยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ทันที การมีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น Tripod พร้อมด้วยระบบรอก (Winch) และอุปกรณ์ช่วยลดแรงกระแทก เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
มาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เช่น
-
OSHA 29 CFR 1910.146 (Permit-Required Confined Spaces)
-
ANSI Z117.1 (Safety Requirements for Confined Spaces)
-
EN 795 (Personal fall protection equipment – Anchor devices)
ต่างก็ระบุให้มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตและระบบช่วยเหลือที่เพียงพอเมื่อมีการทำงานในที่อับอากาศ
องค์ประกอบของชุด Tripod สำหรับที่อับอากาศ
Tripod สำหรับการทำงานในที่อับอากาศทั่วไป ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก ดังนี้
-
ขาตั้ง Tripod: โครงสร้างสามขา มักทำจากวัสดุอลูมิเนียมหรือเหล็กกล้า แข็งแรงและน้ำหนักเบา
-
ระบบรอก (Winch): สำหรับดึงหรือลดระดับผู้ปฏิบัติงาน
-
Self-Retracting Lifeline (SRL) พร้อม Rescue Capability: สำหรับกันตกและช่วยกู้ภัยในกรณีฉุกเฉิน
-
สายรัดนิรภัย (Harness): เชื่อมต่อกับระบบรอก
-
อุปกรณ์เสริม เช่น Pulley หรือ Descender: เพื่อการควบคุมทิศทางและแรงดึงอย่างเหมาะสม
น้ำหนักรองรับของ Tripod : Tripod มาตรฐานสำหรับที่อับอากาศต้องสามารถรองรับน้ำหนัก ไม่ต่ำกว่า 140 กิโลกรัม เพื่อให้รองรับน้ำหนักตัวของผู้ปฏิบัติงานพร้อมเครื่องมือที่สวมใส่ได้อย่างปลอดภัย (อ้างอิง: OSHA, ANSI Z359)
ขั้นตอนการติดตั้ง Tripod อย่างถูกต้อง
1. ตรวจสอบพื้นที่และอุปกรณ์ก่อนติดตั้ง
-
ประเมินพื้นที่: ขนาดความสูงของ Tripod ต้องเหมาะสมกับทางเข้าที่อับอากาศ เช่น บ่อพัก, ถังน้ำมัน, หรือท่อขนาดใหญ่
-
ตรวจสอบพื้นผิว: ต้องมีความแข็งแรงและเรียบ เพื่อรองรับ Tripod อย่างมั่นคง
-
ตรวจสภาพอุปกรณ์: ตรวจสอบรอยร้าว, การสึกหรอ, การบุบ, การทำงานของระบบล็อกและตัวปรับความสูง
2. ประกอบขาตั้ง Tripod
-
กางขา Tripod ออกทั้งสามข้างจนกว่าล็อกอัตโนมัติ (Auto-Lock) จะทำงาน
-
ปรับความยาวขาแต่ละข้างให้เหมาะสม เพื่อให้ส่วนยอดอยู่ในแนวตั้งตรง (ตั้งฉากกับพื้น)
-
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกขาล็อกแน่น ไม่หลวม
3. ติดตั้งอุปกรณ์เสริม
-
ติดตั้งระบบรอก (Winch) เข้ากับจุดยึดของขา Tripod โดยใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะ ไม่ใช้วิธีดัดแปลง
-
ต่อเชือกนิรภัยหรือสายเคเบิลจาก Winch ผ่าน Pulley บนหัว Tripod ลงมายังจุดทำงาน
-
ต่อ Self-Retracting Lifeline (SRL) อีกตัวในกรณีที่ต้องการระบบกันตกแยก
จุดแตกต่างระหว่าง Winch และ SRL
Winch ใช้ดึงผู้ปฏิบัติงานขึ้นหรือลงด้วยการควบคุมด้วยมือ
SRL ดึงสายกลับอัตโนมัติเมื่อมีการตกแบบกะทันหัน เหมือนระบบเข็มขัดนิรภัยรถยนต์
4. เชื่อมต่อกับผู้ปฏิบัติงาน
-
ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมสายรัดนิรภัย (Full Body Harness) ที่ได้มาตรฐาน
-
เชื่อมต่อสายรัดเข้ากับฮุคของ Winch หรือ SRL อย่างแน่นหนา
-
ทดสอบแรงดึงก่อนเริ่มการปฏิบัติงาน
วิธีการใช้งาน Tripod อย่างปลอดภัย
1. การใช้งานขณะปกติ
-
ใช้ระบบรอก (Winch) ดึงผู้ปฏิบัติงานขึ้นหรือลงช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง
-
ห้ามปล่อยสายเคเบิลหย่อนจนเกิดการพันกัน
-
มีผู้เฝ้าประตู (Attendant) คอยประสานงานและควบคุมระบบ Tripod ตลอดเวลา
2. การใช้งานขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน
-
หากผู้ปฏิบัติงานหมดสติหรือมีเหตุฉุกเฉิน ต้องรีบใช้งานระบบช่วยกู้ภัยของ Winch หรือระบบ Auto-Rescue ของ SRL ทันที
-
ต้องมีแผนซ้อมกู้ภัย (Rescue Plan) พร้อมกำหนดบทบาทของแต่ละคนชัดเจน
แนวทางการตรวจสอบและบำรุงรักษา Tripod
การดูแลรักษา Tripod เป็นสิ่งสำคัญเพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาความปลอดภัย
การตรวจสอบประจำวัน
-
ตรวจสอบโครงสร้าง ข้อต่อ รอยแตก รอยสนิม
-
ทดสอบการทำงานของระบบล็อก
-
ตรวจสอบสภาพสายเคเบิลและเชือกนิรภัย
การบำรุงรักษารายเดือน/รายปี
-
ทำความสะอาดอุปกรณ์ด้วยน้ำเปล่าและผ้าแห้ง
-
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหล่อลื่นในบริเวณที่ไม่จำเป็น
-
ส่งอุปกรณ์ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบใหญ่ปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อมีการใช้งานอย่างหนัก
ข้อควรระวังพิเศษในการติดตั้งและใช้งาน Tripod
-
ห้ามใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานร่วมกับ Tripod
-
ห้ามยืนหรือปีนบนขาตั้ง Tripod
-
ห้ามใช้งาน Tripod บนพื้นผิวที่ไม่มั่นคง เช่น พื้นโคลน พื้นหินร่วน
-
ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ด้วยตนเองโดยไม่มีใบอนุญาต
ตัวอย่างมาตรฐานและแนวทางการอ้างอิง
-
OSHA 29 CFR 1910.146: Permit-Required Confined Spaces
-
ANSI/ASSE Z117.1: Safety Requirements for Confined Spaces
-
EN 795: Personal fall protection equipment – Anchor devices
-
CSA Z259.15: Standards for Retrieval Devices
ตามกฎหมายไทยผู้ทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศต้องผ่านการอบรมก่อนถึงจะปฏิบัติงานได้ โดยในหลักสูตรอบรมจะได้เรียนรู้ทฤษฏีการทำงานที่อับอากาศ และได้ปฏิบัติใช้อุปกรณ์จริงที่ต้องใช้ในงานที่อับอากาศ ตามสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SCBA, ไตรพอด, การผูกเชือกให้ถูกวิธี, การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในที่อับอากาศ และอื่นๆ โดยหลังอบรมจะได้รับ ใบเซอร์อบรมที่อับอากาศ ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานทั้งต่อเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และผู้ว่าจ้างในทุกครั้งที่มีการทำงานที่มีความเสี่ยงอย่างงานที่อับอากาศต้องมีการตรวจสอบใบเซอร์ของพนักงานที่เข้ามาปฏิบัติงาน ก่อนอนุญาตให้ทำงาน
สรุป
การติดตั้งและใช้งาน Tripod ที่อับอากาศ อย่างถูกต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย ต้องอาศัยความเข้าใจในโครงสร้างของอุปกรณ์ เทคนิคการติดตั้งอย่างเหมาะสม และการปฏิบัติงานที่รัดกุมตามแนวทางความปลอดภัย การมีการตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง รวมถึงมีแผนฉุกเฉินที่ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีฉุกเฉิน
อย่าลืม ว่า “ชีวิตของผู้ปฏิบัติงานขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของคุณ”
สำหรับผู้ที่สนใจอบรมที่อับอากาศ 4 ผู้ พร้อมการสาธิตการติดตั้งและใช้งาน Tripod อย่างถูกต้อง
ติดต่อทีมวิทยากรมืออาชีพของเรา
- อบรมพร้อมฝึกกับอุปกรณ์จริง
- ได้ใบประกาศรับรองการผ่านอบรม
- ครบทุกเนื้อหา ทั้งความรู้ ทฤษฎี และปฏิบัติจริง
โทร : (064) 958 7451
อีเมล : Sale@safetymember.net
เว็บไซต์ : หลักสูตรอบรมที่อับอากาศ
อ้างอิง
-
Occupational Safety and Health Administration (OSHA). 29 CFR 1910.146 Permit-Required Confined Spaces.
-
American National Standards Institute (ANSI). ANSI Z117.1-2022 Safety Requirements for Confined Spaces.
-
National Fire Protection Association (NFPA). NFPA 350 Guide for Safe Confined Space Entry and Work.
บทความที่น่าสนใจ
- มาตรฐาน OHSAS 18001 (มอก. 18001) คืออะไร
- SCBA กับ Air-Line Supply เลือกอุปกรณ์หายใจแบบไหนในที่อับอากาศ
- เปรียบเทียบเครื่องตรวจวัดก๊าซ Single Gas กับ Multi-Gas เลือกอย่างไรดี
- ความต่าง Risk Assessment กับ JSA เครื่องมือบริหารความเสี่ยงในงาน