ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องยกเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักมาก การใช้เครน (Crane) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของเครนที่ไม่สามารถมองข้ามได้คือ “รอก” หรืออุปกรณ์ช่วยยกที่อยู่ปลายเครน โดยรอกสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ รอกโซ่ (Chain Hoist) และ รอกสลิง (Wire Rope Hoist) การเลือกรอกให้เหมาะสมกับประเภทงานไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังลดความเสี่ยงอันตรายและช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบเครนได้อย่างมีนัยสำคัญ
รอกโซ่ และรอกสลิง คืออะไร
1. รอกโซ่ (Chain Hoist) รอกโซ่เป็นอุปกรณ์ยกที่ใช้โซ่เหล็กในการรับน้ำหนัก มักนิยมใช้ในงานที่ต้องยกของน้ำหนักไม่มากนัก และไม่ต้องการความเร็วในการยกสูงมาก สามารถใช้ได้ทั้งแบบมือหมุน (Manual Chain Hoist) และแบบไฟฟ้า (Electric Chain Hoist) มีข้อดีคือมีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่าย และมีราคาถูกกว่ารอกสลิง
2. รอกสลิง (Wire Rope Hoist) รอกสลิงใช้สลิงเหล็กในการรับแรง ซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้มากและทำงานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น งานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ท่าเรือ หรือไซต์งานก่อสร้างที่มีการยกสิ่งของขนาดใหญ่บ่อยครั้ง รอกสลิงมีระบบมอเตอร์และระบบเบรกที่ซับซ้อนมากขึ้น และสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่า
สลิงเหล็กที่ใช้ในรอกสลิงมีความสามารถในการรับแรงดึงสูงถึง 1770 MPa และมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ยาวนานกว่าสายโซ่ถึง 2-3 เท่าหากมีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง
เปรียบเทียบความต่างด้านเทคนิคระหว่างรอกโซ่และรอกสลิง
หัวข้อเปรียบเทียบ | รอกโซ่ (Chain Hoist) | รอกสลิง (Wire Rope Hoist) |
---|---|---|
วัสดุรับน้ำหนัก | โซ่เหล็ก | สลิงเหล็ก |
ความสามารถในการรับน้ำหนัก | ปานกลาง (ไม่เกิน 5 ตัน) | สูง (มากกว่า 5 ตันขึ้นไป) |
ความเร็วในการยก | ช้า | เร็ว |
ความถี่ในการใช้งาน | ใช้งานไม่บ่อย | ใช้งานต่อเนื่อง |
การบำรุงรักษา | ง่าย | ซับซ้อนกว่า |
ขนาดและการติดตั้ง | ขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย | ขนาดใหญ่ ต้องมีโครงสร้างรองรับ |
ราคา | ถูกกว่า | แพงกว่า |
จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า รอกโซ่ (Chain Hoist) และ รอกสลิง (Wire Rope Hoist) มีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถในการรับน้ำหนัก, ความเร็วในการยก, ความยืดหยุ่นในการใช้งาน, และ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
-
รอกโซ่ เหมาะสำหรับงานยกน้ำหนักไม่เกิน 5 ตันในพื้นที่จำกัด เช่น งานประกอบชิ้นส่วนในโรงงาน, งานติดตั้งเครื่องจักร, หรือใช้งานในพื้นที่แคบที่ความเร็วในการยกไม่ใช่ปัจจัยหลัก ข้อดีคือบำรุงรักษาง่าย ราคาย่อมเยา และมีความทนทานต่อการใช้งานไม่ต่อเนื่อง
-
รอกสลิง เหมาะสำหรับงานยกที่ต้องการ ประสิทธิภาพสูง ทั้งด้านน้ำหนักและความเร็ว เช่น งานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่, งานก่อสร้าง, หรือคลังสินค้าที่ต้องยกวัสดุหนักเป็นประจำ ข้อดีคือเคลื่อนย้ายได้เร็ว ทำงานได้ต่อเนื่อง และสามารถยกของได้ในระดับสูงกว่า
แม้ว่ารอกสลิงจะมีต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่า แต่หากพิจารณาจาก ประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน ก็ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว สำหรับองค์กรที่ต้องการระบบยกของแบบมืออาชีพ
ทำไมต้องตรวจสอบรอก และตรวจเครนประจำปี ?
ตามข้อกำหนดในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง การตรวจและทดสอบเครื่องจักร พ.ศ. 2566 ระบุว่า
รอก โซ่ รอกสลิง เครน ทุกประเภทที่ใช้ในสถานประกอบการ ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยวิศวกรผู้มีใบอนุญาต เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังคงอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อการใช้งาน
- อ่านเพิ่มเติม : มาตรฐานรอกเครน
ข้อควรพิจารณาในการเลือกรอกให้เหมาะสม
1. ลักษณะของงานและน้ำหนักบรรทุก
- หากเป็นงานยกของที่มีน้ำหนักไม่มาก (ต่ำกว่า 2 ตัน) และไม่ต้องใช้งานต่อเนื่อง การเลือกรอกโซ่จะคุ้มค่าและเหมาะสม
- หากเป็นงานที่มีการยกสิ่งของขนาดใหญ่ หนัก หรือยกต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น งานประกอบเครื่องจักรหรืองานก่อสร้าง รอกสลิงจะเหมาะสมมากกว่า
2. ความถี่และความเร็วในการใช้งาน
- รอกโซ่เหมาะกับการใช้งานชั่วคราว หรือยกของวันละไม่กี่ครั้ง
- รอกสลิงออกแบบมาเพื่อใช้งานหนักต่อเนื่องในระดับอุตสาหกรรม เช่น ยกของวันละหลายรอบตลอดวัน
3.3สภาพแวดล้อมในการใช้งาน
- หากเป็นพื้นที่แคบ พื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการติดตั้ง เช่น ภายในคลังสินค้า รอกโซ่ที่มีขนาดกะทัดรัดจะเหมาะสมกว่า
- พื้นที่โล่งที่สามารถวางโครงสร้างรองรับขนาดใหญ่ เช่น โรงงานหรือไซต์งานขนาดใหญ่ จะเหมาะกับรอกสลิง
4. งบประมาณ
- รอกโซ่มีต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่มีงบจำกัด
- รอกสลิงแม้มีราคาสูงกว่า แต่คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับงานที่ต้องใช้งานหนักและต่อเนื่อง
สถิติจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานระบุว่า อุบัติเหตุจากเครนและรอกเกิดจากการใช้ผิดประเภทถึง 35% ซึ่งสามารถลดลงได้อย่างมากหากมีการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน
ด้านความปลอดภัย: จุดที่ต้องตรวจสอบในการใช้รอกทั้งสองประเภท
- ตรวจสอบการทำงานของเบรก (Brake) ทุกครั้งก่อนเริ่มใช้งาน
- ตรวจสอบสายโซ่หรือสลิงว่ามีรอยแตก หัก หรือเสื่อมสภาพหรือไม่
- อย่าใช้งานรอกเกินพิกัดที่ระบุไว้โดยผู้ผลิต (Rated Load)
- ตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบ เช่น ตะขอ ปลอกยึด หรือระบบไฟฟ้า
- ผู้ควบคุม หรือผู้ใช้งานต้องผ่านการฝึกอบรมเครน ก่อนถึงจะปฏิบัติงานได้ซึ่งเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย
วิธีการตรวจสอบและบำรุงรักษารอกเครน
การตรวจสอบรอกเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญตามกฎหมายความปลอดภัย เช่น มาตรา 9 แห่งประกาศกรมสวัสดิการฯ ว่าด้วยเครื่องจักร พ.ศ. 2552 ซึ่งระบุว่า รอก เครน และเครื่องยกต้องมีการตรวจสอบประจำปีโดยวิศวกรผู้มีใบอนุญาต การตรวจสอบควรรวมถึง:
- การตรวจสอบด้านกลไกและโครงสร้าง
- การตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์และระบบควบคุม
- การทดสอบโหลด (Load Testing)
- การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและการเดินสาย
- การตรวจสอบอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ลิมิตสวิตช์ และระบบหยุดฉุกเฉิน
สรุป:
รอกโซ่และรอกสลิงมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงาน สภาพแวดล้อม ความถี่ในการใช้งาน และงบประมาณ หากพิจารณาอย่างรอบด้านควบคู่ไปกับการบำรุงรักษาและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สามารถใช้งานเครนได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
บริการตรวจเครนประจำปีกับผู้เชี่ยวชาญจากเซฟตี้เมมเบอร์
อ้างอิง
- กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2552). ประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการทำงาน.
- ASME B30.16 – Overhead Hoists (Underhung) – American Society of Mechanical Engineers.
- OSHA Standard 1910.179 – Overhead and Gantry Cranes.
- สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.). มอก. 1323-2553 เครื่องยกที่ใช้โซ่.
- Konecranes (2020). Choosing the Right Hoist: Chain Hoist vs. Wire Rope Hoist.