การทำ CPR ช่วยชีวิตยังไง กลไกการฟื้นคืนระบบไหลเวียนโลหิตและสมอง

by pam
5 views
การทำ CPR ช่วยชีวิตยังไง

การหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือโดยทันที เนื่องจากอาจนำไปสู่การเสียชีวิตถาวรได้ภายในไม่กี่นาทีหากไม่ได้รับการช่วยชีวิตอย่างทันท่วงที การฟื้นคืนชีพ (Cardiopulmonary Resuscitation: CPR) เป็นกระบวนการช่วยชีวิตที่สำคัญ ซึ่งอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ของระบบไหลเวียนเลือดและระบบทางเดินหายใจ เพื่อคงการไหลเวียนของออกซิเจนไปยังสมองและอวัยวะสำคัญของร่างกาย

กลไกการหายใจและการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย

ระบบหายใจทำงานร่วมกับระบบไหลเวียนโลหิตเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน (O₂) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ออกซิเจนจากอากาศจะเข้าสู่ถุงลมในปอดและแพร่เข้าสู่หลอดเลือดฝอย จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสร้างพลังงาน (ATP) ผ่านกระบวนการเมแทบอลิซึมแบบแอโรบิก (aerobic metabolism)

การทำงานนี้ต้องพึ่งพา:

  • สมองส่วนก้านสมอง (Brainstem) ที่ควบคุมจังหวะการหายใจ

  • หัวใจ ที่สูบฉีดเลือดไปยังปอดและร่างกาย

  • กล้ามเนื้อหายใจ เช่น กระบังลม (diaphragm) และกล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง

เมื่อระบบใดระบบหนึ่งล้มเหลว จะทำให้เกิดภาวะ Hypoxia (ขาดออกซิเจน) และนำไปสู่การเสียชีวิตของเซลล์

กลไกของการหยุดหายใจ

กลไกของการหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น

ภาวะหยุดหายใจ (Apnea) หมายถึง การที่ร่างกายหยุดการหายใจ ไม่ว่าจะโดยสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจ (Obstructive) หรือการหยุดทำงานของศูนย์ควบคุมการหายใจ (Central)

สาเหตุทั่วไปของการหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น ได้แก่:

  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง (Ventricular fibrillation, Asystole)

  • ภาวะขาดออกซิเจนจากการจมน้ำ หรือสำลัก

  • ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน

  • ภาวะสมองบาดเจ็บ

  • ยาเกินขนาด

เมื่อหัวใจหยุดเต้น เลือดไม่สามารถสูบฉีดออกจากหัวใจ ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนทันที ซึ่งเซลล์สมองจะเริ่มตายภายใน 4-6 นาที หากไม่ได้รับออกซิเจน

กลไกทางวิทยาศาสตร์ของการทำ CPR

กลไกทางวิทยาศาสตร์ของการทำ CPR

การทำ CPR คือ กระบวนการช่วยให้ร่างกายยังคงได้รับออกซิเจนอย่างจำกัด โดยไม่ต้องอาศัยการทำงานของหัวใจตามปกติ ประกอบด้วยสองขั้นตอนหลัก:

1. การกดหน้าอก (Chest Compression)

การกดหน้าอกอย่างต่อเนื่องที่ความลึกประมาณ 5–6 เซนติเมตร ด้วยอัตรา 100–120 ครั้งต่อนาที ทำให้เกิดแรงดันในทรวงอกเพิ่มขึ้น ทำให้เลือดไหลจากหัวใจไปยังสมองและอวัยวะอื่น

  • กลไกนี้เรียกว่า Cardiac Pump Theory และ Thoracic Pump Theory

    • Cardiac Pump Theory: การกดหน้าอกทำให้หัวใจถูกบีบตัวโดยตรง เลือดจึงถูกดันออกจากหัวใจ

    • Thoracic Pump Theory: การเพิ่มแรงดันในช่องอกจากการกดหน้าอกจะบีบหลอดเลือดในทรวงอกให้เกิดการไหลเวียนของเลือด

การกดหน้าอกอย่างมีประสิทธิภาพสามารถรักษาความดันเลือดซิสโตลิก (systolic blood pressure) ไว้ที่ประมาณ 60–80 mmHg เพียงพอต่อการส่งเลือดไปยังสมอง

2. การช่วยหายใจ (Rescue Breathing)

การเป่าลมเข้าปากผู้ป่วยทำให้มีการส่งออกซิเจนเข้าไปในถุงลมปอด ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซ

  • ออกซิเจนที่เป่าเข้าไปมีประมาณ 16–17% ซึ่งเพียงพอสำหรับการแลกเปลี่ยนก๊าซเบื้องต้นในระหว่าง CPR

  • ในบางกรณีการทำ CPR แบบไม่เป่าปาก (Compression-only CPR) ก็สามารถใช้ได้ในผู้ใหญ่ที่หัวใจหยุดเต้นจากสาเหตุหัวใจวาย โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถเป่าปากได้ทันที

ผลกระทบเมื่อหยุดหายใจต่อสมองและอวัยวะสำคัญ

เมื่อหัวใจหยุดเต้น เลือดไม่สามารถนำออกซิเจนไปยังสมองได้ การทำ CPR จึงช่วยชะลอความเสียหายต่อสมอง โดยเฉพาะในช่วง “Golden Time” คือ 4–6 นาทีหลังจากหยุดหายใจ

  • ถ้า CPR เริ่มภายใน 1–2 นาที อัตราการรอดชีวิตจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

  • การล่าช้าในการทำ CPR เกิน 6 นาที มักทำให้ผู้ป่วยสมองเสียหายถาวร

เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED)

เครื่องมือช่วยเหลือ: เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED)

เครื่อง AED สามารถวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจและให้ไฟฟ้าช็อกเพื่อแก้ไขภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดที่รักษาได้ เช่น Ventricular Fibrillation (VF) หรือ Pulseless Ventricular Tachycardia (VT)

  • การใช้ AED ร่วมกับ CPR เพิ่มโอกาสรอดชีวิตสูงถึง 50–70% หากใช้ภายใน 3–5 นาทีแรก

  • ไฟฟ้าช็อกจะช่วย “รีเซ็ต” หัวใจให้กลับมาเต้นตามจังหวะปกติได้

ผลกระทบของการทำ CPR ที่ผิดวิธี

หากทำ CPR ผิดวิธี เช่น การกดหน้าอกไม่ลึกพอ หรือกดช้าเกินไป จะทำให้เลือดไม่เพียงพอในการส่งออกซิเจน

  • การกดหน้าอกผิดตำแหน่งอาจทำให้ซี่โครงหัก หรืออวัยวะภายในบาดเจ็บ

  • การไม่ปล่อยหน้าอกกลับเต็มที่ (incomplete recoil) จะลดการไหลเวียนกลับของเลือดเข้าสู่หัวใจ

การฟื้นคืนชีพหลังการช่วยชีวิต (Post-Resuscitation Care)

แม้จะสามารถฟื้นการเต้นของหัวใจได้แล้ว แต่ร่างกายยังต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด

  • ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (Targeted Temperature Management) เพื่อป้องกันสมองเสียหาย

  • ใช้ยาเพื่อเพิ่มความดันโลหิต

  • ให้ออกซิเจนในระดับเหมาะสม (Oxygenation)

สรุป

การทำ CPR ไม่ใช่เพียงแค่การกดหน้าอกและเป่าปาก แต่เป็นการนำหลักวิทยาศาสตร์ของสรีรวิทยาการหายใจและระบบไหลเวียนเลือดมาประยุกต์ใช้เพื่อยืดอายุของเซลล์สมองและอวัยวะสำคัญ การเข้าใจกลไกการทำงานของ CPR ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์และบุคคลทั่วไปสามารถช่วยชีวิตผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ติดต่ออบรมหลักสูตรปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากทีม Safetymember ได้วันนี้ เพื่อความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินในทุกสถานการณ์ มาตรฐาน AHA พร้อมมอบวุฒิบัตรหลังอบรม หลักสูตรเป็นแบบอินเฮ้าส์ (เดินทางไปสอนลูกค้าถึงสถานที่) จองวันอบรมวันนี้ลดทันที 40%

ติดต่อสอบถาม : (064) 958 7451 คุณแนน


อ้างอิง

  1. American Heart Association. (2020). Highlights of the 2020 American Heart Association Guidelines for CPR and ECC.

  2. Berg, R. A., et al. (2001). “A comparison of chest compression techniques for infants and children.” The New England Journal of Medicine, 345(6), 433–437.

  3. Yannopoulos, D., & Aufderheide, T. P. (2009). “The evolving role of the thoracic pump in cardiac resuscitation.” Critical Care Medicine, 37(4), S425–S429.

  4. Nolan, J. P., et al. (2015). “European Resuscitation Council Guidelines for Resuscitation 2015.” Resuscitation, 95, 100–147.

  5. Neumar, R. W., et al. (2008). “Post-cardiac arrest syndrome.” Circulation, 118(23), 2452–2483.

  6. Kouwenhoven, W. B., Jude, J. R., & Knickerbocker, G. G. (1960). “Closed-chest cardiac massage.” JAMA, 173(10), 1064–1067.

  7. Perkins, G. D., et al. (2015). “Compression-only CPR: a systematic review and meta-analysis.” The Lancet, 386(9996), 1294–1300.


บทความที่น่าสนใจ

บทความน่าสนใจ

ใบอนุญาตกรมสวัสดิการฯ

คลิกรูปเพื่อขยาย

ได้รับมาตรฐาน ISO 9001

คลิกรูปเพื่อขยาย

บริษัท เซฟตี้ เมมเบอร์

เลขที่ 349 อาคารเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ชั้น 20 ห้องเลขที่ 2001-2005  ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

อีเมล
โทรศัพท์

คุณ แนน

เพิ่มเพื่อน

©2025 SAFETYMEMBER. Developed website and SEO by iPLANDIT